วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

วิชา วิทยาศาสตร์

ติว เคมี


ที่มา : http://youtu.be/lSEF9Xze040

วิชา อังกฤษ

ติว อังกฤษ


ที่มา : http://youtu.be/pWGeFv-9_sM

วิชา วิทยาศาสตร์

ติว วิชาชีววิทยา


ที่มา : http://youtu.be/FxRvFnOCisM

วิชา สังคมศึกษา

ติวสังคม 


ที่มา : http://youtu.be/ROH0KtnDry4

วิชา ภาษาไทย

ติวgat-ภาษาไทย


ที่มา : http://youtu.be/l_ZhzVL5ZDQ


วิชา อังกฤษ

ติวgat-eng 


ที่มา : http://youtu.be/P7NfYopdXIA

วิชา คณิตศาสตร์

สอนpat คณิตศาสตร์



วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

ใบงานที่ 11

K11 from Pns Praew

ใบงานที่ 10

K10 from Pns Praew

ใบงานที่ 9

K9 from Pns Praew

ใบงานที่ 8

K8 from Pns Praew

ใบงานที่ 7

K7 from Pns Praew

ใบงานที่ 6

K6 from Pns Praew

ใบงานที่ 5

K5 from Pns Praew

ใบงานที่ 4

K4 from Pns Praew

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

smurfs,mickey,pororo

smurfs


           สเมิร์ฟ smurf คือตัวการ์ตูนสีฟ้า ที่มีความสูงเพียงแค่แอปเปิ้ลสามผลเรียงต่อกัน อาศัยอยู่ในบ้านที่สูงเท่ากับเห็ด สวมกางเกงสีขาวทั้งแบบมีสายเอี๊ยมและไม่มีสายเอี๊ยม ตัวการ์ตูนผู้หญิงจะใส่ชุดกระโปรงแขนกุดติดระบายที่ปลายแขนและชายกระโปรง มีผมสีขาวยาวประบ่าเป็นลอน 




mickey


            มิกกี้ เมาส์ (อังกฤษMickey Mouse) เป็นตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็กๆทั่วโลก มีลักษณะเป็นหนูสีดำ สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 โดยวอลต์ ดิสนีย์ และอับ ไอเวิร์กส ให้เสียงโดยวอลต์ ดิสนีย์






pororo


Pororo โพโรโระเพนกวินป่วนก๊วนขั้วโลก





เทยเที่ยวไทย

เทยเที่ยวไทย อิอิ

หิมะลอยน้ำ (ของหวานจีน)

หิมะลอยน้ำ


Paris

Paris


ปารีส (ฝรั่งเศส: Paris ) เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Île-de-France หรือ Région parisienne (RP) ) ภายในกรุงปารีสมีประชากรประมาณ 2,167,994 คน เขตเมืองปารีส (Unité urbaine) ซึ่งมีพื้นที่ขยายเกินขอบเขตอำนาจการปกครองของเมืองนั้น มีประชากรกว่า 9.93 ล้านคน (พ.ศ. 2547)ในขณะที่เขตมหานครปารีส(Agglomération parisienne) มีประชากรเกือบ 12 ล้านคนและเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป
จากการตั้งถิ่นฐานมากว่า 2 พันปี ปัจจุบันกรุงปารีสเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยแห่งหนึ่งของโลก และด้วยอิทธิพลของการเมือง การศึกษา บันเทิง สื่อ แฟชั่น วิทยาศาสตร์และศิลปะ ทำให้กรุงปารีสเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศฝรั่งเศส ด้วยจำนวนเงินกว่า 500.8 ล้านล้านยูโร (628.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งมากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2548 กรุงปารีสยังเป็นสถานที่ทำการของบริษัทยักษ์ใหญ่ 36 บริษัทจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 500 บริษัทจากการสำรวจของฟอร์จูน โกลบัล 500(Fortune Global 500) อีกด้วย โดยเฉพาะย่านธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป ลา เดฟองซ์ ทั้งยังเป็นที่จัดงานนิทรรศการต่างๆ ซึ่งรวมถึงสหประชาชาติ ฯลฯ ปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งในโลก โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี กรุงปารีสเป็นหนึ่งใน 4 นครสำคัญของโลก อีกสามนครคือลอนดอน, โตเกียว และ นิวยอร์ก
กำเนิดของชื่อและความหมาย

คำว่า ปารีส ออกเสียง /พาริส หรือ /แพริส/ /ปารี ในภาษาฝรั่งเศส เป็นคำที่มาจากชื่อเผ่าหนึ่งของชาวโกล เป็นที่รู้จักกันในนาม "ปารีซี" (Parisii) ซึ่งเป็นชาวเมืองที่อาศัยในสมัยก่อนโรมัน โดยที่เมืองมีชื่อเดิมว่า "ลูเทเชีย" (ละติน: Lutetia) (ชื่อเต็ม "Lutetia Parisiorum" แปลว่า ลูเทเชียแห่งปารีซี) ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึง 6 ในช่วงที่อาณาจักรโรมันยึดครอง แต่ในช่วงการครองราชย์ของจูเลียน ดิ อโพสเทต (พ.ศ. 904 - พ.ศ. 906) ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "ปารีส"
ปารีสมีชื่อเล่นมากมาย แต่ชื่อที่โด่งดังที่สุดคือ "นครแห่งแสงไฟ" (ฝรั่งเศส: La Ville-lumière) ซึ่งหมายความว่าเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนและความรู้ ทั้งยังหมายความว่าเป็นเมืองที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงไฟอีกด้วย ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา นครปารีสมีชื่อเรียกในภาษาแสลงว่า "ปานาม" (ฝรั่งเศส: Paname [panam]) เช่น ชาวปารีสมักแนะนำตนเองว่า "มัว, เชอซุยเดอปานาม" (ฝรั่งเศส: Moi, je suis de Paname) หรือ "ฉันมาจากปานาม"
พลเมืองชาวปารีสเป็นที่รู้จักกันในนาม "ปารีเซียน" (Parisian)"พาริเซิน" หรือ "แพริเซิน" ในภาษาอังกฤษ หรือ "ปารีเซียง"ในภาษาฝรั่งเศส โดยคำนี้ บางครั้งจะถูกเรียกอย่างดูถูกว่า ปารีโก (Parigots)  โดยประชาชนที่อาศัยนอกแคว้นของปารีส แม้ว่าบางครั้งชาวปารีเซียงจะชอบพอกับคำนี้ก็ตาม
ภูมิศาสตร์
ปารีสตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ซึ่งรวมถึงเกาะอีกสองเกาะคือ อีล แซงต์-หลุยส์ และ อีล เดอ ลา ซิเต้ ซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ภูมิประเทศของปารีสโดยรวมคือ เป็นที่ราบลุ่ม โดยมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 35เมตร (114 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล ทั้งยังมีเนินเขาอีกหลายแห่ง เนินเขาที่สูงที่สุดคือ มงต์มาร์ตร์ (Montmartre) (130เมตร (426 ฟุต)) พื้นที่ของปารีส ซึ่งไม่รวมสวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญ (Bois de Boulogne) และบัวส์ เดอ แวงแซนน์(Bois de Vincennes) คือประมาณ 86.928 ตารางกิโลเมตร (33.56 ตารางไมล์) การแบ่งและรวมเขตครั้งสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดคือในปี พ.ศ. 2403 ซึ่งทำให้มีขนาดอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ทั้งยังทำให้เกิดเขต (Arrondissement) ที่หมุนรอบๆ ตามเข็มนาฬิกาอีกด้วย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2403 เป็นต้นมา เมืองปารีสมีขนาด 78 กม.² (30.1 ม.²) และได้ขยายออกไปเป็น 86.9กม.² (34 ม.²) ในปี พ.ศ. 2463 และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 เป็นต้นมา สวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญและบัวส์ เดอ แวงแซนน์ได้ผนวกกับตัวเมืองปารีสอย่างเป็นทางการ ทำให้กรุงปารีสมีขนาด 105.397 กม.² (40.69 ม.²) จนถึงปัจจุบัน ขนาดของกรุงปารีสหรือเขตเมืองปารีสนั้นมีการขยายตัวออกไปเกินเขตเมือง ทำให้เกิดรูปร่างเป็นวงรี ขยายตัวไปตามแม่น้ำแซนและแม่น้ำมาร์น ทางทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมือง และตามแม่น้ำแซนและแม่น้ำอวส ทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ และถ้าเลยไปยังชนบท ความหนาแน่นของประชากรจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมีป่าและที่ดินไว้สำหรับการเพาะปลูก อย่างไรก็ตามเขตมหานครปารีส (Agglomération parisienne) มีเนื้อที่ถึง 14,518 กม² (5,605.5 ไมล์²) ซึ่งใหญ่กว่าเนื้อที่กรุงปารีสถึง 138 เท่า
ภูมิอากาศ
ปารีสมีภูมิอากาศแบบมหาสมุทร ซึ่งมีผลมาจากกระแสน้ำแอตแลนติกเหนือ เพราะฉะนั้นอุณหภูมิในเมืองไม่ค่อยมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยของกรุงปารีสคือ 15 °C (59 °F) และจะอยู่ราว 7 °C (45 °F) สถิติอุณหภูมิสูงที่สุดที่วัดได้คือ 40.4 °C (104.7 °F) ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 และต่ำที่สุดที่เคยวัดได้คือ −23.9 °C (−11.0 °F) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2422 เมืองปารีสได้ประสบกับอุณหภูมิร้อนจัดในปี พ.ศ. 2547 และหนาวจัดในปี พ.ศ. 2549 มาเอง
ฝนสามารถตกทุกเมื่อ และปารีสก็เป็นที่รู้จักดีกับฝนตกฉับพลัน ปารีสมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 641.6 มม. (25.2 นิ้ว) ต่อปี ส่วนหิมะมักจะเกิดขึ้นน้อยครั้ง ส่วนมากมักจะตกในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ (แต่เคยตกถึงเดือนเมษายนมาแล้ว) และไม่ค่อยพบว่าหิมะตกติดต่อกันเกินวัน

สถาปัตยกรรม

สถาปัตยกรรมปารีสในปัจจุบันนั้น มีผลมาจากการออกแบบและสร้างเมืองใหม่ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ก่อนเมืองปารีสเต็มไปด้วยถนนแคบๆ บ้านเก่าๆ ที่สร้างด้วยไม้ แต่พอถึงต้นปี พ.ศ. 2395 บารอน เฮาส์มันน์ได้ปรับโฉมกรุงปารีสให้กลายเป็นเมืองที่มีถนนกว้าง ตึกรามบ้านช่องสร้างด้วยปูน ฯลฯ ซึ่งก็คือปารีสในปัจจุบันนี่เอง แผนในสมัยจักรวรรดิฝรั่งเศสที่ 2 ยังมีผลกระทบต่อปัจจุบันอีกด้วย ในทางกฎหมายด้านการก่อสร้างถนนหรือตึกต่างๆ และจะไม่ค่อยเห็นตึกสูงๆ เท่าไหร่นักในกรุงปารีส ทำให้กรุงปารีสเป็นเมืองลักษณะเรียบๆ นั่นเอง



วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Hydrangea

Hydrangea
  
    ไฮเดรนเยีย(Hydrangea)เป็นไม้พุ่งสูง1-3เมตรจัดเป็นพืชหลายฤดูชอบอากาศหนาวเย็น บางชนิดเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้เลื้อยแต่ส่วนใหญ่มักเป็นไม้พุ่มเตี้ยใบเกิดแบบตรงข้ามแผ่นใบมีขนาดกว้างใหญ่ขอบใบจักช่อดอกเกิดส่วนปลายกิ่งหรือยอดลำต้นดอกประกอบด้วยใบประดับที่มีสีสวยงามแล้วแต่พันธุ์ ไฮเดรนเยียอาจผลัดใบหรือไม่ผลัดใบก็ได้แต่ถ้าเป็นชนิดที่อยู่ในเขตอบอุ่นจะผลัดใบพักตัวในฤดูหนาวดอกของไฮเดรนเยียเกิดที่ปลายยอดกิ่งหรือยอดลำต้น เป็นช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่นหรือช่อแยกแขนง(corymbsorpanicles) ช่อดอกประกอบด้วยดอกสองแบบคือกลุ่มดอกสมบูรณ์เพศซึ่งมีขนาดเล็กที่อยู่บริเวณใจกลางช่อดอกใหญ่ ส่วนกลุ่มดอกที่มีขนาดดอกย่อยใหญ่สะดุดตานั้นความจริงเป็นดอกที่เกิดจากกลีบดอกประดับดูสะดุดตา เกิดเป็นวงรอบขอบนอกของช่อดอกใหญ่ไฮเดรนเยียบางชนิดมีช่อดอกซึ่งประกอบด้วยดอกย่อยสมบูรณ์เพศทั้งช่อเลยก็มี ดอกไฮเดรนเยียส่วนใหญ่จะมีสีขาวเป็นหลัก แต่บางชนิด เช่น H. macrophylla อาจเป็นสีน้ำเงิน แดงชมพูหรือม่วง ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความเป็นกรดหรือด่างของเครื่องปลูก หากเครื่องปลูกมีสภาพเป็นกรด pH 5.0-5.5สีดอกจะออกเป็นสีน้ำเงิน ถ้าสภาพเป็นด่างจะให้ดอกสีม่วงหรือชมพูถ้าปลูกในเครื่องปลูกที่สภาพเป็นกลางดอกไฮเดรนเยียจะมีสีครีมซีดทั้งนี้เพราะไฮเดรนเยียเป็นหนึ่งในบรรดาพืชไม่กี่ชนิดที่สะสมธาตุอะลูมินัม ธาตุนี้จะถูกปลดปล่อยออกมาจากเครื่องปลูกซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ธาตุนี้จะทำปฏิกิริยากับสารละลายในกลีบดอกทำให้เกิดสีน้ำเงินขึ้นได้ ปกติไฮเดรนเยียต้องการดินที่เป็นกรดอ่อนpH 6.0-6.5 จะเติบโตได้ดี


การปลูกเลี้ยงเป็นการค้า
      ไฮเดรนเยียจัดเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมมากชนิดหนึ่งของยุโรปและสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยปลูกได้ดีเฉพาะในเขตที่มีภูมิอากาศหนาวเย็น ความชื้นในอากาศสูง เช่น จ. เชียงราย จ. เชียงใหม่ (พื้นที่สูง 1,000 เมตรขึ้นไปจะให้ผลดีเป็นพิเศษ)ภูเรือ เขาค้อ เป็นต้น ในประเทศฟิลิปปินส์ นิยมปลูกเป็นการค้า ในบริเวณพื้นที่ระดับสูงตั้งแต่ 1,800 เมตร เช่น ยอดเขาที่บาเกียว ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นและชื้นจัด โดยปลูกเป็นไม้กระถางจำหน่ายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ไฮเดรนเยียที่ปลูกเป็นการค้าคือH. macrophylla ซึ่งมีกว่า 600 พันธุ์ ส่วนใหญ่พันธุ์ปลูกเหล่านี้เกิดและมีขนาดใหญ่มากขยายปลูกโดยการปักชำกิ่ง
       การส่งเสริมปลูกไฮเดรนเยียเพื่อผลิตเป็นดอกไม้แห้ง มูลนิธิโครงการหลวง เริ่มต้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2536ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ ได้เริ่มนำพันธุ์ดอกไม้แห้งต่าง ๆมาส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพื่อเป็นอาชีพเสริมรายได้โดยมีผู้เขียน(รศ.ม.ล. จารุพันธ์ ทองแถม จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นหัวหน้าโครงการผลิตภัณฑ์ไม้ประดับแห้ง)ได้มีการนำดอกไม้แห้งหลายชนิดมาทำการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะโดย นายพิษณุพันธ์ สินชัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายไม้ดอกไม้ประดับได้นำเอาไฮเดรนเยียซึ่งมีปลูกประดับในสถานีมาทำการขยายพันธุ์ได้จำนวน 800 ต้นเป็นสายพันธุ์พื้นเมืองทำการเพาะเลี้ยงในถุงดำประมาณ 1 ปี จึงได้นำไปส่งเสริมแก่เกษตรกรกะเหรี่ยงและชาวเมืองเชียงใหม่ไฮเดรนเยียเป็นไม้ดอกที่มีอายุยืนยาวนานหลายปีหรือที่เรียกว่าเป็นพืชถาวร ในสภาพที่มีอากาศหนาวเย็นสูงจากระดับน้ำทะเล1,000 เมตรขึ้นไปพบว่าไฮเดรนเยียสามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน-ฤดูหนาว
คุณภาพดอกจะสวยงามมากแต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการจัดการที่ดีด้วย
                พันธุ์ของไฮเดรนเยียในประเทศไทยมีอยู่หลายพันธุ์ ได้แก่
                1. พันธุ์พื้นเมือง พันธุ์เก่าแก่ที่นำเข้ามานาน จนปรับตัวให้เข้ากับอากาศร้อนได้ดี
                2. Botstein พันธุ์ใหม่ นำเข้าโดยโครงการหลวง
                3. Sister Therse
                4. Oregon Pride
                ไม่นานมานี้นักพืชสวนในอังกฤษประสบผลสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ไฮเดรนเยียได้พันธุ์ใหม่ชื่อ‘Endless Summer’ลูกผสมซึ่งคัดพันธุ์ได้นี้น่าจะเป็นพันธุ์แรกที่ให้ช่อแบบทรงกลม(mophead) ที่สามารถสร้างตาดอกขึ้นบนกิ่งที่มีอายุปีแรกเท่านั้นและจะสร้างดอกขึ้นได้เลยภายในปีแรกทำให้ผู้ปลูกได้ชื่นชมกับดอกที่จะออกอย่างรวดเร็วผิดกับพันธุ์เก่าทั้งหลายปัจจุบันมีเนอร์สเซอรี่ในสหรัฐอเมริกานำไปพัฒนาต่อโดยผลิตเป็นการค้าซึ่งไฮเดรนเยียพันธุ์ใหม่นี้หลังจากออกดอกไปแล้ว
และตัดแต่งกิ่งเก่าออก ก็จะแตกหน่อใหม่และออกดอกได้เลยในฤดูถัดไป ข้อดีอีกประการคือ ทนต่ออากาศหนาวเย็น ดอกของH. macrophylla ‘Endless Summer’ นี้มีสีชมพูหรือสีน้ำเงิน (ขึ้นอยู่กับระดับความเป็นกรดหรือด่างของเครื่องปลูก)ใบของมันมีสีเขียวเข้มและทนต่อโรคราน้ำค้าง (mildew resistant) อย่างไรก็ตามไฮเดรนเยียชอบแสงแดดที่ได้รับการพรางแสงเพียง 30% เท่านั้น ถ้าพลางแสงให้มากกว่านี้จะมีผลผลิตต่ำลง
     พันธุ์ที่ทางศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะทำการส่งเสริมปลูกทั้งหมดเป็นพันธุ์เก่าแก่ซึ่งนิยมเรียกกันว่าพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งจากการที่ได้เปรียบเทียบคุณภาพผลผลิต การเจริญเติบโต ความต้านทานโรค
และจำนวนการผลิต พบว่าพันธุ์พื้นเมืองเหมาะสมที่จะทำการปลูกเพื่อผลิตเป็นดอกไม้แห้งได้ดีมาก
ต้นทุนการผลิตน้อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ ไฮเดรนเยียพันธุ์นี้พบทั่วไปตามวัดวาอารามและสวนสาธารณะ
ทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ยังพบมากที่หลายหมู่บ้านในเขตปิล๊อก อ. ทองผาภูมิ, สังขละบุรีชายแดนไทย-พม่าไฮเดรนเยียเป็นพืชที่ต้องการดินร่วนซุยมีอินทรียวัตถุสูงเพื่อเก็บน้ำและรักษาความร่วนโปร่งของดินควรใช้ปุ๋ยหมักและใบไม้ผุใส่เพิ่มในหลุมปลูกไฮเดรนเยียต้องการดินที่เป็นกรดอ่อนpH 6.0-6.5 เพื่อให้ได้ดอกสีชมพูแต่ถ้าปรับ pH ให้เป็นกรด pH 5.0.5.5 จะได้ดอกสีน้ำเงิน

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

english breakfast


http://www.youtube.com/watch?v=pfZXjSlH61Q&feature=related

chiang mai





จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดหนึ่งของไทย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20,107 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และมีประชากร 1,708,564 คน มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ทิศเหนือติดต่อกับรัฐฉานของพม่า
ด้านการปกครอง แบ่งออกเป็น 25 อำเภอ โดยมีอำเภอเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2552 มีการจัดตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และลำดับที่ 878 ของประเทศ ซึ่งเป็นอำเภอล่าสุดของไทย
จังหวัดเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนแต่โบราณ มีภาษาล้านนา (คำเมือง) เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ล่าสุด จังหวัดเชียงใหม่ได้เริ่มวางตัวเป็นนครสร้างสรรค์ และกำลังพิจารณาสมัครเข้าเป็นนครสร้างสรรค์ของยูเนสโก

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3